วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ศาลเจ้าเฮี้ยนเทียนซ่งเต่ (ศาลเจ้าทุ่งทอง)

ศาลเจ้าเฮี้ยนเทียนซ่งเต่ (ศาลเจ้าทุ่งทอง) 


ที่ตั้้ง : ถ.วิชิตสงคราม ต.ทุ่งทอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต 

การเดินทาง : จากสามแยกเก็ตโฮ่ให้เลี้ยวซ้าย ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านสนามกอฟท์ ภูเก็ตคันทรีคลับ เลยโค้งมา ศาลเจ้าจะอยู่ทางซ้ายมือ เป็นศาลเจ้าขององค์เทพเฮี้ยนเทียนซ่งเต่ หรือ ซ่งเต้ก้อง เป็นศาลเจ้าขนาดกลางๆ ไม่เล็กไปหรือใหญ่ไป ภายในศาลเจ้ามีห้องเดียว คือตั๋วหน้าจะเป็นของลี้โลเฉี้ย ด้านในตั๋วหลักก็เป็นของเฮี้ยนเทียนซ่งเต่ ด้านซ้ายมือก็เป็นของเตียวฮู้เทียนซือ ส่วนขวามือก็เป็นของปุดจ้อนะครับ เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ศาลเจ้าหนึ่ง เป็นที่นับถือทั่วไปของชาวตำบลทุ่งทอง อ.กะทู้

 ข้อมูลจาก thisphuket.com






วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ศาลเจ้าปุนเถ้ากง

ศาลเจ้าปุนเถ่ากง หรือ ศาลเจ้าฮกแซ่เก้ง


          ผู้ที่เดินทางไปป่าตอง ถ้าหากขึ้นไปทางเนินเขาผ่านทางเมืองกะทู้ เข้าสู่ถนนพระบารมี บริเวณสันเนินเขาขาไปทางซ้ายมือ จะเห็นศาลเจ้าปุนเถ่ากง หรือ ศาลเจ้าฮกแซ่เก้ง ซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ ๔๘/๒๐ ถนนพระบารมี หมู่ที่ ๑ ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ผู้ที่ขี่รถหรือขับรถผ่านศาลเจ้า จะกดแตรให้สัญญาณทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ นัยว่าเพื่อบูชาองค์ปุนเถ่ากงพระภูมิเจ้าที่ที่ศักดิ์สิทธิ์  เพราะเท่าที่สังเกตจะเห็นผู้คนจอดรถทั้งซ้ายขวาเพื่อขึ้นไปสักการะเซ่นไหว้องค์พระภูมิเจ้าที่ตลอดเวลา บริเวณข้างทางด้านศาลเจ้ามีรูปเขียนหยินหยางและป้ายบอกเวลาเปิดปิดศาลเจ้า ป้ายบอกชื่อศาลเจ้าว่า พระปุ้นเถาก๋ง มีภาษาอังกฤษกำกับว่า Pun Tuao Kong  ถึงแม้สถานที่บริเวณภายในศาลเจ้าจะแคบ แต่ผู้ศรัทธาก็จะรอคิวเข้าไปไหว้ มีต้นไม้ร่มครึ้มและเต็มไปด้วยควันธูป

         ภายในบริเวณมีศาลพระภูมิอยู่ด้านหน้า มีโต๊ะบูชาทีกง ภายในองค์ประธานรูปแกะสลัก มีรูปฝาผนัง มีเซียมซีให้เสี่ยงทายด้วย  มีป้ายเขียนข้อความเตือนสติคนติดไว้ข้างฝาผนัง

         ศาลเจ้าแห่งนี่น่าจะเป็นศาลเจ้าเก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง เพราะการเดินทางเข้าเมืองกะทู้สมัยก่อน นอกจากจะเดินทางผ่านตัวเมืองภูเก็ตแล้ว อีกทางหนึ่งคือ ขึ้นเรือที่ชายหาดป่าตอง แล้วเดินลัดเลาะสันเขาลงมายังตัวเมืองกะทู้ได้  ทางเดินโบราณแห่งนี้ได้กล่าวไว้ในช่วงที่เกิดกรณีอั้งยี่ที่ภูเก็ตว่า ถนนที่จะเข้าไปกะทู้ถูกปิดโดยพวกอั้งยี่กลุ่มตัวเมืองภูเก็ต พระยาวิชิตสงคราม ( ทัด รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ) จางวางเมืองภูเก็ต ทำให้ชาวจีนกุลีเหมืองจำนวนมากตลอดจนชาวบ้านที่เป็นคนไทย ไม่มีข้าวสารที่จะซื้อขาย พระยาวิชิตสงครามและกรมการเมืองภูเก็ต จึงให้ขนข้าวสารบรรทุกเรือไปขึ้นฝั่งชายหาดป่าตองแล้วลำเลียงด้วยช้าง  ข้ามสันเขาแห่งนี้เข้าเมืองกะทู้

         ศาลเจ้าปุนเถ่ากง พระภูมิเจ้าที่ที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จึงเป็นที่พึ่งของคนที่มีความทุกข์ใจ กังวลใจ ฯลฯ ในอันที่จะบำบัดให้ทุเลาเบาบางลงได้ ด้วยความศรัทธาของแต่ละคน